มะเร็ง3

โรคร้ายอันตรายอย่างโรคมะเร็ง แม้เกิดกับผู้ใหญ่ ก็ยังรักษายาก  แต่ยิ่งเกิดกับลูกน้อยแล้วก็ยิ่งทำหัวใจพ่อแม่แหลกสลาย  เพราะต้องทนเห็นลูกต้องเจ็บปวดกับการรักษาด้วยการคึโมและการฉายแสง เช่นเดียวกันกับคุณแม่น้องไอเดีย “HerKid รวมพลคนเห่อลูก”  ที่พบกับบททดสอบหัวใจของคนเป็นพ่อแม่ เมื่อหนูน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ต้องเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย การต่อสู้กับโรคนี้จะทำอย่างไร? และจะผ่านโรคนี้ได้หรือไม่?  มาติดตามกันเลยค่ะ

มะเร็ง2

คุณแม่น้องไอเดีย “สวัสดีค่ะ เนื่องจากที่คุณแม่โพสรูปน้องไป มีคนสอบถามทั้งในคอมเม้นและอินบ็อคเข้ามา อยากทราบอาการเริ่มต้น ของโรค คุณแม่ขอลงรายละเอียดอาการและการรักษาที่ โพสนี้นะคะ อาจจะยาวหน่อยนะ แนะนำตัวอีกครั้ง น้องชื่อไอเดีย ตอนนี้อายุ4ขวบ (ตรวจเจอมะเร็งตอนน้อง3ขวบ2เดือน) -อาการเริ่มแรกของน้องจริงๆแล้วแทบไม่มีให้เห็นเลย ที่ดูจากภายนอกเป็นเด็กสดใส ร่าเริง ตอนคลอดก็แข็งแรงปกติทุกอย่าง แต่น้องจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยกินข้าว หลักๆกินแต่นม และในช่วงวัยที่น้องเดินได้ น้องจะไม่ค่อยอยากเดินรู้สึกว่าน้องจะเหนื่อยง่าย จะไม่ค่อยวิ่งเล่น หรือ เล่นอะไรที่ทำร่างกายเขาเจ็บ (แม่มาทราบจากคุณหมอตอนตรวจเจอโรคแล้วว่านี้จริงๆคืออาการเริ่มผิดปกติ)
ตรวจเจอโรคได้ยังไง ทำไมถึงไปตรวจ
-วันที่ตรวจเจอคือน้องแค่ไม่สบายปกติ ซึมๆไม่เล่น ไม่กินนม ตัวร้อน ก็พาไปหาหมอปกติ แต่ก็ที่น้องจะป่วยแม่สังเกตุว่าท้องน้องแข็งๆเหมือนคนท้องอึดนะคะ คุณแม่ก็แจ้งคุณหมอ คุณหมอก็ตรวจที่น้องโดยใช้มือกดไปที่ท้อง แล้วคุณหมอก็หันมาบอกว่า หมอเจอก้อนอะไรสักอย่างอยู่ในท้อง น่าจะมีมากกว่า1ก้อน คุณหมอส่งไปอัลตร้าซาว์ เจาะเลือด ผลออกมากว่า มีก้อนขนาดใหญ่14ซม.และมีก้อนเล็กเกือบ10ก้อน กระจายอยู่ในท้อง ตอนนั้นคุณยังไม่แจ้งว่าเป็นมะเร็ง และผลเลือดออกมา ว่าน้องเลือดจางมาก จากนั้นคุณหมอก็ส่งตัวเข้ามารักษาโรงบาลรัฐประจำจังหวัด ก็ตรวจกันใหม่ทั้งอีกรอบ
-ผลที่ออกมาคือ เป็นมะเร็งที่ต่อมหมวกไตระยะสุดท้าย เชื้อล่ามเข้ากระดูกสันหลัง และต่อมน้ำเหลือง
*ขั้นตอนการรักษา*
-เนื่องจากน้องเลือดจางคุณหมอก็ให้เลือดก่อนเลยและก็มียาต่างๆมาให้กิน-พอมาโรงบาลอาการของโรคเริ่มเยอะขึ้น น้องปวดหลังมากปวดจนนอนไม่ได้ คุณหมอให้กินยาแก้ปวดทุก4ชม.ก็ไม่หาย เปลี่ยนจากกินมาฉีดก็บรรเทาได้สักพัก จนต้องเปลี่ยนเป็นดิปมอฟินเข้าเส้นเลือดตลอดเวลา ระหว่างนี้คุณหมอก็แจ้งขั้นตอนการรักษา น้องรักษาโดนการให้ยาคีโม และฉายแสง (แต่คีโมบางคนรับไหวแต่น้องคงรับไม่ไหว)
-ให้คีโมวันแรกหลังจากคีโมหมดไม่กี่ชั่วโมง น้องหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว คุณแม่เรียกคุณหมอมาดู คุณหมอย้ายน้องเข้า ICU ทันทีและแจ้งคุณแม่ว่าน้องเหนื่อยมาก อาจจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
(แต่คุณแม่แจ้งคุณหมอไปว่าคุณแม่ขอไม่ใส่นะคะถ้าน้องไม่ไหวจริงๆให้น้องหลับไปเลยค่ะ ไม่อยากให้น้องเจ็บป่วยไปมากกว่านี้) น้องนอนอยู่ICUเกือบ2อาทิตย์ แต่น้องรู้สึกตัวตลอดพูดคุยสื่อสารได้ แม่รู้สึกว่านอนICUน้องดูไม่ดีเลย แม่ขอคุณหมอว่าอยากเฝ้านอนอย่างดูแลน้องเองขอย้ายออกจากICU ไปอยู่ห้องปกติได้ไหมค่ะ คุณหมออนุญาตและได้ย้ายออกจากICU หลังจากให้คีโมไปน้องสู้กับคีโมไม่ไหวคุณหมอรักษาโดนการฉายแสงต่อ
-เริ่มการรักษาการฉายแสง ก็พบกับคุณหมอฉายแสงคุณหมอก็แนะนำผลข้างเคียงต่างๆซึ่งน้องมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงสูงมาก คุณแม่โอเคไหม.? คุณแม่โอกาสยืนยันการรักษาต่อ คุณหมอแจ้งว่าน้องจะได้ฉายแสงทั้งหมด13ครั้ง ก็รอดูผลไปเรื่อยๆ น้องก็ฉายแสงทุกวันจนครบ13ครั้ง น้องเก่งและสู้มากค่ะ ผลข้างเคียงที่คุณหมอและคุณแม่กังวลไม่มีเลย -น้องดีขึ้นคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ เย้ ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นครั้งที่1  รอบแรกอยู่รพ.1เดือน20วัน**
ต่อไปจะเป็นการให้คีโมรอบ2**
-ใต้ตาข้างซ้ายน้องเริ่มเขียวและช้ำก็พาน้องไปหาหมออีกรอบ คุณหมอบอกมีสิทธิ์ที่เชื้อจะล่ามเข้าสมอง และแล้ว #มันก็ล่ามเข้าสมองจริงๆค่ะ สรุปการรักษาจะลองให้คีโมอีกสักครั้ง รอบนี้เหมือนจะดี ให้คีโมครบ1ครอส(5วัน) ครบ กลับบ้านได้ แต่..กลับมาบ้าน2วันน้องไข้สูงตลอดหนาวสั่น ก็พาน้องกลับไปรพ.อีกครั้ง ผลจากคีโมทำให้น้องไข้สูงเนื่องจาก เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดในร่างกายไม่มีเลย ก็นอนรพ.ให้เกล็ดเลือด ให้เลือด ฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว เกือบ2อาทิตย์ ก็ยังไม่ดีขึ้น แม่ถามคุณหมอว่าน้องจะได้ออกจากรพ.ไหมค่ะ คุณหมอแจ้งว่านอนจะต้องนอนอยู่รพ.ไปเรื่อยเพื่อรักษาประคองอาการไป คุณแม่เลยตัดสินใจขอคุณ หมอกลับบ้านและขอยุติการรักษา

-วันที่ออกจากรพ.มาคุณหมอก็มียากระตุ้นเม็ดเลือดมาให้ฉีดเองที่บ้าน มียาต่างๆมาให้กิน
-หลังจากออกจากรพ.วันนั้นน้องแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ แต่ด้วยโรคที่เป็นมันเยอะเหลือเกิน อาการน้องก็เริ่มเพิ่มขึ้นๆเรื่อยๆ #น้องเป็นเพราะกรรมพันธุ์นะคะ
**อาการน้องตอนนี้ตาข้างซ้ายบวมจนปิด ตาข้างขวาเริ่มเขียว มีบ่นปวดหัว ปวดขา ปวดไปทั้งตัว เดินไม่ได้ จากที่คุณหมอบอกและอาการที่เป็นน้องไม่มีโอกาสหาย ประคองอาการกันไปนะคะ สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับกำลังที่ส่งมาให้น้องและครอบครัวมากๆนะคะ อยากให้แม่ๆทุกคนสังเกตุอาการผิดปกติเล็กๆน้อยๆอย่างมองข้าม หาคุณหมอไว้ดีที่สุด ตรวจสุขภาพน้องได้ตรวจเถอะค่ะ โรคที่เราไม่คิดว่าเด็กจะเป็นจริงๆแล้วเด็กเป็นกันเยอะมาก ให้ระวังแต่อย่าระแวงจนการเลี้ยงลูกหมดสนุกไปนะคะ

มะเร็ง1

อ่านแล้วรู้สึกบีบหัวใจมากเลยค่ะ และอยากภาวนาให้น้องกลับมาอาการดีขึ้นเรื่อยๆด้วยนะคะ และต้องขอขอบคุณคุณแม่น้องไอเดียชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” ที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันกันนะคะ หวังว่าเรื่องนี้จะสามารถให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังเลี้ยงลูก และเป็นอุทาหรณ์ในการเฝ้าระวังลูกน้อยจากโรคร้ายด้วยค่ะ เพื่อสามารถไปพบคุณหมอได้อย่างทันท่วงที คราวหน้าจะมีประสบการณ์รุ่นพี่ท่านไหนมาฝากกันอีก ห้ามพลาดติดตามกันต่อในคราวหน้านะคะ วันนี้ลาไปก่อนแล้ว สวัสดีค่ะ

ที่มา : HerKid รวมพลคนเห่อลูก (สุปรียา รัตนเกื้อ)
เรียบเรียงโดย : HerKidรวมพลคนเห่อลูก
อ่านประสบการณ์​อื่นๆ >>> DIYโยเกิร์ตคุณแม่ ทำไม่ยากอย่างที่คิด!

Comments