น้ำคั่ง1

เรื่องราวของคนเป็นแม่หลังการคลอดลูกถือเป็นจุดเริ่มต้น การปกป้องลูกจากสภาวะแวดล้อมยังไม่น่ากลัวเท่ากับโรคที่เกิดจากภายในร่างกายที่ผิดปกติ  เช่นเดียวกับคุณแม่น้องภีมชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” ที่มาเห็นลูกมีอาการผิดปกติหัวโต จนเกือบผ่าตัดไม่ทัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร? และคุณแม่น้องภีมจะผ่านเรื่องราวไปได้อย่างไร? มาดูกันค่ะ …

น้ำคั่ง2

คุณแม่น้องภีม “สวัสดีค่ะแม่ๆ วันนี้ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ และ #วิธีสังเกตลูกหัวโต ซึ่งเป็นอีกโรคที่น้องภีมเจอมากับตัวค่ะ อยากให้เป็นวิทยาทาน เพราะคิดว่ามันก็อาจเป็นโรคสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็ได้ (พิมพ์ไว้นานแล้วเพิ่งได้ฤกษ์โพสต์ อีแม่เหมือนเหงา555)​ #ไฮโดรเซฟฟาลัส ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่น้องภีมเป็นด้วย คือมีภาวะน้ำคั่งในสมองเยอะเกินไป เรียกแบบที่เข้าใจง่ายๆก็คือ #โรคหัวบาตรหรือหัวแตงโมนั่นแหละค่ะ พอได้มารู้จักกับโรคนี้ มีโอกาสได้เจอเด็กโรคเดียวกันหลายคน ถึงรู้ว่ามันใกล้ตัวมาก และบางคนเป็นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มารู้อีกทีคือหัวโตแล้ว บางคนก็รู้ตอนที่น้ำท่วมทับเส้นประสาทตาจนตาบอดแล้วก็มีนะคะ เราก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ตรงนี้เพื่อเป็นวิทยาทานให้แม่ๆด้วยค่ะ เพราะโรคนี้มันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คลอดก่อนกำหนดมีเลือดออกในสมองเยอะ,มีถุงน้ำในสมอง หรือเกิดจากโครโมโซมXกลายพันธ์ุ หรือบางคนก็เป็นเพราะโรคพันธุกรรมที่เขาเรียกว่าแดนดีวอร์คเกอร์ #แต่ของน้องภีมเกิดจากความบกพร่องของกระดูกสันหลังที่เขาเป็นมาตั้งแต่กำเนิดค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องที่หนูพยายามมองให้เป็นความโชคดีของลูก เพราะอย่างน้อยๆเขาเป็นตั้งแต่เกิด ได้มีโอกาสเห็นและผ่าตัดใส่สายระบายน้ำได้ทันก่อนที่หัวจะโต หรือตาบอดไป แต่ถึงแม้น้องจะได้ผ่าตัดใส่สายระบายน้ำแล้วตั้งแต่แรกเกิด ก็ใช่ว่าจะวางใจได้เสมอไปนะคะแม่ ข้อดีจากการที่บ้านนี้เลี้ยงลูกใกล้ชิดทุกเวลา ทำให้สังเกตลูกได้ เราเริ่มเห็นว่าลูกดูแปลกๆไปในสายตา แต่ก็ยังไม่ได้คิดหรือเอะใจอะไรมาก จนเขาอายุประมาณ 2 เดือนกว่า หลังจากฉีดวัคซีนรอบแรก มันเริ่มชัดขึ้นค่ะ เราก็เลยปรึกษายายของเขา ว่าหัวน้องภีมดูแปลกๆไหม เหมือนหัวเขาโตขึ้นไหม ยายเขาก็บอกว่าเราคิดมาก ลูกโตขึ้นหัวมันก็โตขึ้นตามตัว แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ มันกังวลสุดๆเลย ถ้าโตแล้วรูปทรงปรกติจะไม่คิดมาก แต่นี่มองยังไงมันก็สูงขึ้นข้างบน เหมือนหัวบาตร เลยเริ่มวัดขนาดหัวลูกและจดบันทึกไว้ตั้งแต่วันนั้น ตอนวัดครั้งแรกได้ 42 ซม. ใจอีแม่นี่หล่นวูบเลยค่ะ เพราะเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน ขนาดหัวปรกติควรจะไม่เกิน 40 ซม. ก็เลยโทรไปปรึกษากับหมอที่ รพ.เด็กฯ เขาก็แนะนำให้ลองสังเกตและจดขนาดไว้เรื่อยๆ ว่าหัวเขาจะโตขึ้นเร็วช้าแค่ไหน หนูยอมรับว่าวัดถี่มาก 2-3 วันที โตขึ้นที่ละ 1-2 ซม. #คือโตแบบเร็วมาก ดวงตาน้องเริ่มเปลี่ยนไป จากเด็กที่ตากลมโต เริ่มเรียว หางตาเหมือนถูกดึง ช่วงหนังตาบนตึงจนขยับไม่ได้เลยค่ะ หัวเขาก็ดูตึงและเงามากกว่าเดิม หนูมั่นใจเลยว่่าลูกผิดปรกติแน่ๆเลยรีบพาไปหาหมอค่ะ #สรุปว่าสายระบายน้ำของน้องมีปัญหาจริงๆ คือมีผังผืดเกาะทำให้น้ำระบายออกได้ไม่เต็มที่ น้องได้ถูกผ่าตัดเปลี่ยนสายระบายน้ำครั้งที่ 2 ตอนอายุประมาณ5เดือน สิ่งที่อยากจะบอกไว้เป็นประสบการณ์คือ #โรคนี้ถ้าหัวโตแล้วมันไม่สามารถหดได้ ถ้าโชคร้ายไม่ทันสังเกตคืออันตรายมากเลยแหละค่ะ มันเป็นไปอย่างเร็วมากจริงๆแม่ .. วันที่น้องภีมผ่าตัดครั้งที่2 มีโอกาสคุยกับยายของน้องเตียงข้างๆ มีภาวะน้ำคั่งในสมองเหมือนกัน เขาบอกว่าหลานเล่นอยู่ปรกติดีๆแล้วเป็นไข้ลุกไม่ขึ้น เขาไม่รู้ว่าหลานมีน้ำคั่งในสมอง ก็ให้นอนรักษาอยู่บ้านหลายวันกว่าจะได้พาไปหาหมอ สรุปคือช้าไปแล้วค่ะ #เพียงเวลาแค่15วันหัวของน้องเขาโตขึ้นจนเป็นหัวบาตร #และน้ำทับเส้นประสาทตาจนตาเขาบอดแล้ว ภีมเองเกือบช้าไป โชคดีที่เราเลี้ยงลูกทั้งวันจนสังเกตลูกได้ เพราะตอนนั้นตาเขาก็ตึงสุดๆแล้ว ถ้าเรารุ้ตัวช้ากว่านี้อีกนิด บางทีอาจไม่มีสิทธิได้ผ่าตัดทันแบบนี้ #นี่คือสิ่งที่คิดว่าเป็นโชคดี ถึงแม้หัวเขาจะไม่กลับมากลมแบบเดิม ถึงแม้ดวงตาเขาจะเปลี่ยนทรงไปแล้ว แต่มันก็ยังดีกว่าที่หัวเขาจะไม่หยุดโตนะคะ #ยังไงก็ตามโรคนี้ค่อนข้างใกล้ตัวและมาได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นมาตั้งแต่เกิดเลย จึงอยากแชร์เรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์อีกหนึ่งเรื่องของมนุษย์แม่ทุกคน บางทีสมัยนี้โรคเยอะ อะไรมันก็ชะล่าใจไม่ได้แล้วจริงๆ พอเป็นแม่คนแล้วถึงเข้าใจทุกอย่างค่ะ #ฝากไว้ให้คิดนะคะ ขอบคุณแม่ๆที่อ่านจนจบ 

น้ำคั่ง3

บททดสอบของการเป็นพ่อแม่ คือการต้องสังเกตและใส่ใจความเปลี่ยนแปลงของลูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความน่ากลัวคือโรคที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอย่างโรคที่เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดขึ้นเพราะโครโมโซมผิดปกติในร่างกายนี่เอง ต้องขอขอบคุณคุณแม่น้องภีมชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” มากๆเลยนะคะ ที่นำเรื่องราวที่น่าสนใจแบบนี้มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นวิทยาทานและอุทาหรณ์สอนใจคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ คราวหน้าจะมีประสบการณ์จากคุณพ่อคุณแม่รุ่นพี่ท่านไหนมาแนะนำกันอีก ห้ามพลาดติดตามกันนะคะ วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ…

ที่มา : HerKid รวมพลคนเห่อลูก (Lookpud Praweena)
เรียบเรียงโดย : HerKidรวมพลคนเห่อลูก
อ่านประสบการณ์​อื่นๆ >>> DIYโยเกิร์ตคุณแม่ ทำไม่ยากอย่างที่คิด!

Comments