เมื่อคุณพ่อคุณแม่สายเที่ยวมีลูก ก็คงอดตื่นเต้นจะพาลูกไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้ ยิ่งต้องพาขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องศึกษาข้อมูลกันให้ดีๆ เพราะปัจจัยต่างๆย่อมมีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อย วันนี้แอดมินจึงพาคุณแม่ชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” มาดูรีวิวการพาลูกขึ้นเครื่องบินกันตั้งแต่เริ่ม 3เดือนของคุณแม่น้องไทวินกันค่ะ คุณแม่รุ่นพี่คนนี้จะมีอะไรมาเล่าสู่คุณแม่มือใหม่กันบ้าง ตามแอดมินมาดูเลยค่า…
คุณแม่น้องไทวิน “มารีวิวพาน้องขึ้นเครื่องบินจ้า ✈✈✈ >>>เบบี๋ไทวินขึ้นทั้งหมด 3 แล้วครั้งค่ะ (อายุ 3 เดือน,4เดือน,5 เดือน)เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัด(สุรินทร์) จะกลับบ้านทีก็ต้องรอวันหยุดยาวติดกัน หรือกลับได้แค่ช่วงเทศกาลปีใหม่ กับสงกรานต์เท่านั้น ถ้าใครเคยขับรถไปภาคอีสานหรือนั่งรถทัวร์ช่วงเทศกาลบอกเลยว่าติดแหงกตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯยันโคราชกันเลยทีเดียว กว่าจะถึงปลายทางก็ปาไปครึ่งค่อนวัน พอมีลูกจะพาลูกไปไหนทีจะนั่งรถนานๆก็สงสารเด็ก เพราะยังเป็นเบบี๋อยู่เลย ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรา นั่งรถ 2 ชม. ก็ยังเมื่อยเลยจริงมะ แล้วลองนึกดูถ้าเอาเด็กอายุ 3 เดือนนั่งรถเกิน 8 ชม. จะเป็นยังไง นึกไม่ออกกันเลยทีเดียว อิพ่ออิแม่ก็เลยต้องวางแผนการเดินทางให้สำหรับลูกช่วงเทศกาลสักหน่อยละ มาลงเอยที่นั่งเครื่องบินกลับน่าจะสะดวกที่สุดสำหรับเบบี๋น้อยๆของเรา ว่าแล้วก็เตรียมหาตั๋วเครื่องบินให้เบบี๋กันเลย
✈การสำรองที่นั่ง
สำหรับเด็กอายุ 0-2 ปี จะไม่มีการออกตั๋วโดยสารให้ ทางสารการบินจะให้นั่งบนตักผู้ปกครองคนใดคนนึง โดยที่ไม่มีค่าตั๋วโดยสาร แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมของสายการบิน ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะไม่เท่ากัน จะเสียค่าธรรมเนียมมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับระยะทาง ครั้งนี้ไทวินเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป-กลับ จ.บุรีรัมย์ โดยสารการบินนกแอร์(ขาไป) แอร์เอเชีย(ขากลับ)เสียค่าธรรมเนียมประมาณ 500 บาทเท่านั้นเองจ้า (จำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้ T_T ในใบเสร็จไม่มีบอกอ่าา) อ่อๆในขั้นตอนซื้อตั๋วโดยสาร..ขอแนะนำให้แม่ๆซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มตอนสำรองตั๋วด้วยนะคะ(ถูกกว่าซื้อตอนเช็คอิน) เพราะถ้าใครมีลูกจะรู้ทันทีว่า พาลูกออกนอกบ้านทีไร ขนของลูกยังกับย้ายบ้าน ฮ่าๆๆ แต่ถ้าบ้านไหนคำณวนน้ำหนักกระเป๋ามาดี ก็ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้ค่ะ เอาตามที่สะดวกกันเลย
✈การเช็คอิน
ออกจากบ้านพร้อมลูกก็เหมือนกับว่าเราย้ายบ้าน ของลูกก็จะเยอะมากเวอร์จนหอบขึ้นเครื่องไม่ไหว แถมมีของเหลวอีกที่เอาขึ้นบนเครื่องบินไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมของดีๆนะจ๊ะแม่จ๋า อะไรที่จำเป็นอย่าได้ขาดเชียวนะ อะไรที่เป็นของเหลวก็ต้องโหลดลงใต้เครื่องให้หมดนะจ๊ะ ครั้งนี้แม่ซื้อตั๋วแบบคลาสที่มีน้ำหนักกระเป๋าแถมมาด้วย 15 กิโลกรัม(ไม่รวมกับที่ถือขึ้นเครื่องอีก 7 กิโลกรัม) ของที่แม่เตรียมก็จะไปเช็คอินและโหลดใต้เครื่องก็จะมีพวกเครื่องอาบน้ำ เบบี้ออย เบบี้โลชั่น ยาขนานต่างๆ กรรไกรตัดเล็บ และอื่นๆที่เป็นของเหลวและของมีคม
พอมาถึงหน้าเคาท์เตอร์ เนื่องจากเรามีเด็กเล็กมาด้วยพนักงานจะเชิญให้เราเข้าไปเช็คอินที่ช่อง piority เพื่อความสะดวดและรวดเร็วไม่ต้องไปต่อคิวนานๆในช่องปกติ เอกสารที่ต้องเตรียมคือบัตรประชาชนของพ่อแม่ที่เดินทาง และสูติบัตรตัวจริงของลูก (สำคัญมากลืมไม่ได้เลยนะคะ) พนักงานจะเช็คอินให้พร้อมกับโหลดกระเป๋าและติดแทรกที่รถเข็นเด็ก น้ำหนักรถเข็นฟรีจ้า(ไม่รวมกับน้ำหนักที่จะโหลดใต้เครื่องนะ เพราะรถเข็นสามารถเข็นไปที่เกทได้เลย แล้วจะมีแอร์กราวด์มาเก็บให้ค่ะตอนที่เราขึ้นเครื่องแล้ว ส่วนตอนลงก็สามารถแจ้งลูกเรือ(น้องแอร์บนเครื่อง) ว่าให้เอารถเข็นมาให้ตอนลงได้ด้วยนะเออ น้องๆแอร์คนสวยจะเอามาเสริฟให้ถึงที่เลยค่ะ ผ่านขั้นตอนนี้จะมีบอร์ดดิ้งพาสทั้งหมด 3 ใบ (พ่อ แม่ ลูก) เป็นอันจบขั้นตอนการเช็คอิน
✈รอขึ้นเครื่อง
หลังจากที่ได้บอร์ดดิ้งพาสแล้วแม่ก็เข็นลูกชายตัวน้อยไปในส่วนของผู้โดยสารขาออก ก่อนที่จะไปที่เกทจะต้องมีการตรวจบัตรประชาชน สูติบัตร และบอร์ดดิ้งพาส พร้อมสแกนกระเป๋ากันก่อน ขั้นตอนนี้เราจะต้องเอารถเข็นเข้าเครื่องสแกนด้วยนะคะ เพราะเป็นกฎความปลอดภัยของทางสนามบิน แม่ก็จัดแจงพับรถเข็นแล้วเอาเข้าเครื่องสแกน ส่วนนมแม่ซึ่งเป็นของเหลวทางสารการบินอนุญาติให้เอาขึ้นได้ แต่จำกัดปริมาณไม่ใช่หอบเอาขึ้นเป็นแพคๆไรงี้ แต่แม่ไม่ได้เอานมแม่ไปด้วยเพราะให้น้องจุ๊ฟนมจากเต้าแทนเลยจำปริมาณที่ทางสารการบินอนุญาติไม่ได้ ซอรี่น้าาา…แต่ถ้าแม่ๆท่านไหนให้ลูกทานนมผงก็สามารถเอานมผงลูกและน้ำขึ้นไปบนเครื้องได้เช่นกันค่ะ แต่ต้องแจ้ง จนท ตรงเครื่องสแกนนะคะ ว่าน้ำที่นำมาคือสำหรับชงนมให้น้องค่ะ ผ่านขั้นตอนนี้ฉลุยแล้วก็ไปนั่งรอที่เกทกันเล้ยยยย
✈ขึ้นเครื่อง
หลังจากที่นั่งรอมาจนได้เวลาอันสมควรแล้ว พนักงานก็จะเรียกให้ขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารที่มีเด็กจะมีสิทธิพิเศษคือสามารถขึ้นเครื่องได้ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ต้องไปรอคิวนานๆนะจ๊ะ มีลูกก็จะ vip นิดนึง ฮ่าๆๆ ขั้นตอนนี้จะตรวจบอร์ดดิ้งพาส บัตรประชาชน พ่อ แม่ ,สูติบัตรของลูก เตรียมเอาไว้ก่อนนะอย่าเพิ่งรีบเก็บจ้า แล้วน้องแอร์กราวด์ก็จะมาเก็บรถเข็นเราไปโหลดให้ในขั้นตอนนี้ค่ะ เข้าไปในเครื่องก็นั่งตามหมายเลขที่นั่งเราได้เลย โดยให้ลูกน้อยเรานั่งที่ตัก แล้วจะมีน้องแอร์เอาเข็มขัดสำหรับเด็กเล็กมาให้คาด แม่ๆไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าจะใส่ไม่เป็น เพราะน้องแอร์จะสอนวิธีใช้โดยละเอียดแบบตัวต่อตัวให้คุณแม่ถึงที่นั่งเลยจ้า รัดเข็มขัดเรียบร้อยก็พร้อมบินกันเลยยยย
ระหว่างเครื่องขึ้น-ลง ความกดอากาศจะเปลี่ยน แม่ๆอย่าลืมเอาลูกจุ๊ฟนมหรือจุกหลอกนะคะ เดี๋ยวตัวเล็กจะหงุดหงิดแล้วร้องไห้เอาได้ เพราะไทวินร้องอิ๊ๆๆ ตอนเอาเครื่องขึ้น แม่เลยจับจุ๊ฟนม เงียบกริบแถมหลับปุ๋ยไปตลอดทางเลยค่ะ ตอนลงเครื่องถ้าคุณแม่แจ้ง จนท ไว้ว่าจะรับรถเข็นทันทีตอนลงก็จะมีพนักงานเอามาให้คุณแม่ค่ะ แต่ครั้งนี้แม่เห็นว่าไปสนามบินเล็กๆ อุ้มเดินได้สบายๆ แม่เลยไปรอรับที่สายพานแทนจ้า ซึ่งก็ไม่ได้รอนานอะไร แปปเดียวก็รับกระเป๋าและรถเข็นแล้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
⭐ทริกถ้าลูกงอแง ทำไงดีนะ⭐
1.หาของเล่นที่ลูกเลิฟไปด้วย
2.ขวดนม นม จุกหลอก ห้ามขาดเลยนะแม่จ๋า
3.หยอกล้อหรือเล่นกับลูกตลอดเวลาที่เค้าตื่น เค้าจะได้ไม่งอแง
4.ถ้าก้นชื้น สามารถเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ตลอดเวลานะคะ มีที่สำหรับเปลี่ยนจ้า ไทวินไปใช้บริการมาแล้ว ฉบายก้นฝุดๆ
เพียงเท่านี้ก็แฮปปี้ตลอดการเดินทางแล้วจ้าขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะปล.ภาษาเขียนแม่อาจจะอ่านแล้วงงๆบ้างก็ขอโทษแม่ๆด้วยนะจ๊ะแม่ๆคนไหนอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม คอมเม้นมาได้เลยนะคะ”
เป็นเทคนิคที่ครบถ้วนกระบวนการ ดีงามพระรามแปดสำหรับคุณแม่มือใหม่ชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” วัยลูกกำลังโตหัดเที่ยวมากจริงๆ ค่าอย่างไรต้องขอขอบคุณคุณแม่คุณแม่น้องไทวินที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษของครอบครัว ทำให้เราได้เรียนรู้เทคนิคหลายอย่างเลย คราวหน้าถ้าต้องขึ้นเครื่องบิน เจ้าหนูน้อยอาจจะคล่องแคล่วกว่าคุณแม่ก็เป็นได้นะคะ วันนี้แอดมินคงต้องลาไปก่อนแล้ว คราวหน้าจะนำประสบการณ์อะไรมาฝากกันอีก คุณแม่คุณพ่อมือใหม่ต้องห้ามพลาดนะค่าา
ที่มา : HerKid รวมพลคนเห่อลูก (คุณแม่มามี้ มะหมูไทวิน)
เรียบเรียงโดย : HerKidรวมพลคนเห่อลูก
อ่านประสบการณ์อื่นๆ >>> คุณแม่อึ้ง! ลูกเป็นแค่หวัด แต่อันตรายเกือบช็อกเพราะมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ