ยู้ฮูววว!!! สวัสดีชาว “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” ทุกท่าน วันนี้หัวหน้าแก๊งค์เหนือเมฆจะมาแชร์ประสบการณ์ ขึ้นเครื่องบินเดินทางขณะตั้งครรภ์ สำหรับครอบครัวรักการท่องเที่ยวกันค่ะ คุณแม่หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า คนท้องเดินทางได้หรือไม่ ต้องเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินอย่างไรบ้าง เดินทางอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด วันนี้หัวหน้าแก๊งค์จึงอยากมาเล่าสู่กันฟังค่ะ^^
ทริปนี้ขอเรียกว่า “ทริปเบบี้มูน” น้องเหนือเมฆอายุ 5 เดือนในพุงของแม่ เราได้เดินทางไปมัลดีฟส์กัน 4 วัน 3 คืน การเดินทางไปท่องเที่ยวนั้น คุณแม่ต้องมีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีความเสี่ยงใดๆ จึงจะสามารถเดินทางได้ บ้านนี้เดินทางตั้งแต่เดือนแรกจนปัจจุบัน 5 เดือนแล้วค่ะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณแม่ด้วยนะคะ ซึ่งอายุครรภ์ที่เหมาะสมและสบายที่สุดสำหรับการเดินทาง คือ ช่วงไตรมาสสอง 4-6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายของคุณแม่ปรับตัวได้แล้ว และ ท้องยังไม่ใหญ่จนเกินไปค่ะ ควรเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยและไม่สมบุกสมบันจนเกินไปค่ะ
ก่อนอื่นคุณแม่ต้องมีการเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบินเสียก่อน ดังนี้
1.คุณแม่ควรตรวจสอบกฎระเบียบและเงื่อนไขต่างๆของสายการบินที่คุณแม่เดินทางก่อนจองตั๋วทุกครั้งว่า มีข้อห้ามหรือต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการเดินทาง (หัวหน้าแก๊งค์เขียนไว้ตรงท้ายบทความนะคะ)
2.คุณแม่ควรมีใบรับรองแพทย์ว่า สุขภาพแข็งแรงและสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสายการบินโดยส่วนใหญ่ จะขอใบรับรองแพทย์สำหรับคุณแม่อายุครรภ์เกิน 27 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน) และ บางสายการบิน จะไม่อนุญาตให้คุณแม่ที่มีอายุครรภ์เกิน 36 สัปดาห์เดินทางกับสายการบินได้ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการคลอดฉุกเฉินหรือคลอดก่อนกำหนดค่ะ ซึ่งคุณแม่ควรเช็คให้ละเอียดนะคะ
3.คุณแม่ควรเลือกที่นั่งริมทางเดิน เพื่อสะดวกแก่การเข้าห้องน้ำที่สุด ถ้าเป็นไปได้เลือกที่นั่งแถวหน้าสุด เพื่อสะดวกแก่การเหยียดขาเวลาเมื่อยค่ะ
4.คุณแม่ควรทานอาหารให้แค่พออิ่ม แต่ต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่ายนะคะ
5.คุณแม่ควรเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง เช่น การลุกขึ้นเดิน เหยียดแข้งขา แต่ควรทำอย่างระมัดระวัง เพราะทางเดินบนเครื่องบินค่อนข้างแคบ
6.คุณแม่ควรคาดเข็มขัดนิรภัยให้ลงต่ำถึงบริเวณข้อสะโพกเสมอ และ นอนหลับพักผ่อนทุกครั้งที่มีโอกาส
7.คุณแม่ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนานๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากปวดปัสสาวะ ควรรีบเข้าทันทีค่ะ
8.คุณแม่ไม่ควรเดินทางคนเดียวนะคะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือได้ทันการณ์
9.คุณแม่ควรดื่มน้ำสะอาดแต่พอประมาณ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ
10.คุณแม่ควรมีแผนสำรองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แม้ว่าการเดินทางด้วยสายการบินจะไม่เป็นอันตราย แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์หรือเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นว่าจะทำอย่างไร ในกรณีที่คุณแม่เดินทางไปต่างประเทศ ควรมีการเตรียมแผนรองรับไว้ด้วยว่า จะสามารถติดต่อหมอหรือโรงพยาบาลได้อย่างไรบ้าง เพื่อเดินทางได้อย่างสบายใจค่ะ
11.คุณแม่ควรตรวจสอบด้วยว่า การประกันอุบัติเหตุในการเดินทาง ครอบคลุมถึงการตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์หรือไม่ สำหรับกรณีที่คลอดก่อนกำหนด
12.หากอายุครรภ์ของคุณแม่ คาบเกี่ยวช่วงเวลาที่สายการบินห้ามเดินทาง ควรตรวจสอบข้อมูลหลายๆทางอย่างละเอียด เพราะในบางครั้ง ข้อมูลในเว็บไซต์ คอลเซ็นเตอร์ หรือข้อมูลจากพนักงานหน้าเค้าเตอร์สายการบินอาจไม่ตรงกันค่ะ
13.คุณแม่ควรเตรียมยาบำรุงที่คุณหมอจัดให้และยาที่จำเป็น สำหรับคนท้องไปด้วย เช่น ยาดม ยาอม เป็นต้น
14.คุณแม่ไม่ควรยกของหนัก ขณะเดินทางนะคะ
ทริปเบบี้มูน มัลดีฟส์ในฝัน
Day 1 : วันนี้พ่อกับแม่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะจะได้ออกเดินทางไปทะเลมัลดีฟส์กันแล้ว วันนี้น้องเหนือเมฆของแม่ อายุ 5 เดือน 10 วันแล้วนะคร้าบ พ่อกับแม่ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าด้วยความสดใส สดชื่นพร้อมเที่ยว เราอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ เอาของขึ้นรถ แล้วรีบบึ่งไปที่สนามบินดอนเมือง หลังจากไปถึงสนามบิน ก็รีบไปเช็คอินและโหลดกระเป๋า ขอแนะนำคุณแม่ๆก่อนขึ้นเครื่องดังนี้ค่ะ
-ควรหาของกินง่ายๆรองท้อง ไม่ควรอดนะคะ และ ควรมาเผื่อเวลา 1-2 ชั่วโมง (อย่าลืมเผื่อเวลารถติดด้วย) เพื่อจะได้ไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป
-หลังจากเช็คอิน โหลดกระเป๋าแล้ว ควรมานั่งรอหน้า Gate เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เพราะก่อนขึ้นเครื่อง พนักงานจะมีเอกสารแสดงความยินยอมไม่ทำการเรียกร้องใดๆต่อสายการบินมาให้คุณแม่เซ็นต์ด้วย และอย่าลืมเตรียมเอกสารที่จำเป็นไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
-ทำธุระส่วนตัวเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ หัวหน้าแก๊งค์เดินทางกับสายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) ซึ่งมีเงื่อนไขสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ดังนี้ (ส่วนสายการบินอื่นๆ เขียนไว้ในท้ายบทความนะคะ^^)
1.1 อายุครรภ์ไม่ถึง 27 สัปดาห์ (ตลอดช่วงอายุครรภ์) : คุณแม่จะต้องลงนามยินยอมในเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิดชอบของสายการบิน แอร์เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เมื่อทำการเช็คอิน เพื่อแสดงความยินยอมไม่ทำการเรียกร้องใดๆต่อสายการบินแอร์ เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์
1.2 อายุครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 28 สัปดาห์ ถึง 34 สัปดาห์ (ตลอดช่วงอายุครรภ์) :
-คุณแม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ที่ระบุอายุครรภ์และรับรองว่า สามารถเดินทางได้ ซึ่งใบรับรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกินสามสิบวัน นับจากวันออกเดินทางเข้าหรือออกประเทศตามกำหนดการเดินทาง
-โดยคุณแม่จะต้องลงนามยินยอมในเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิดชอบของสายการบินแอร์เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เมื่อทำการเช็คอิน เพื่อแสดงความยินยอมไม่ทำการเรียกร้องใดๆต่อสายการบินแอร์ เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์
1.3 อายุครรภ์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 35 ขึ้นไป : สายการบินปฏิเสธการให้บริการ
พอพ่อกะแม่ขึ้นเครื่องแล้ว แอร์โฮสเตสก็ประกาศว่า วันนี้อากาศค่อนข้างสดใส เหมาะแก่การเดินทาง โชคเข้าข้างเราแล้วสิ พ่อกับแม่ต้องนั่งเครื่องจากกทม.ไปถึงมัลดีฟส์ทั้งหมด 4 ชั่วโมงแน่ะ (ใครขี้เบื่อก็เตรียมโหลดหนังหรือเกมส์ไปเล่นรอได้) ระหว่างทางเห็นแต่น้ำทะเลเต็มไปหมด นี่เรากำลังข้ามน้ำข้ามทะเลไปเกาะมัลดีฟส์กันนะ ตื่นเต้นๆ พ่อกับแม่สั่งอาหารกินบนเครื่องบิน นั่งคุยกันไป อ่านหนังสือนิตยสารกันไปเพลินๆก็ถึงจุดหมาย ก่อนลงเครื่องพ่อกับแม่เห็นทะเลมัลดีฟส์ โอ้ววว มันสวยมาก แทบไม่อยากละสายตาเลย มองด้วยตาเปล่า สวยกว่าในรูปอีก นี่แค่ตรงสนามบินนะยังสวยขนาดนี้ แล้วระหว่างทางไปเกาะจะสวยขนาดไหน
การเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน แนะนำให้เลือกที่นั่งตรงริมทางเดินและใกล้ห้องน้ำ เพราะคุณแม่จะอยากเข้าห้องน้ำบ่อยมาก จะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำได้สะดวกและไม่ต้องเดินไกลค่ะ
หลังจากลงเครื่องแล้ว พ่อกับแม่ก็รีบไปเอากระเป๋าโหลด แล้วตรงดิ่งไปที่เค้าเตอร์โซน B แต่ไม่มีใครอยู่เลย ตัดสินใจเดินไปซื้อซิมก่อน จะได้ติดต่อกับเซลล์ได้ แต่พอซื้อซิมเสร็จก็เห็นพนักงานเค้าเตอร์มาพอดี
ซิมของที่นี่จะมีอยู่ 2 ค่าย เมื่อออกจากประตูสนามบิน ให้เลี้ยวขวาจะเจอกับร้านขายซิม คือ Ooredoo กับ Dhiraagu อยู่ติดกันเลยค่ะ
พนักงานพาพ่อกับแม่ไปขึ้นรถตู้ไปสนามบินน้ำ นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินน้ำ(SeaPlane) ครั้งแรกของพ่อกับแม่เลยนะ เพราะเค้าว่ากันว่า มามัลดีฟส์ต้องนั่ง SeaPlane ถึงจะเรียกว่ามาถึง เรานั่งรอตรงสนามบินน้ำประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ก็ได้เวลาออกบินแล้ว พนักงานให้แม่เดินนำหน้าเพื่อนร่วมทริปที่มากับเรา เพราะแม่กำลังท้องน้องเหนือเมฆอยู่ พ่อกับแม่เดินไปถ่ายรูปสองแชะแล้วขึ้นเครื่อง
ช่วงเวลาที่พ่อกับแม่รอคอยมาถึงแล้วนะน้องเหนือเมฆลูกรัก นักบินแจกที่ปิดหูให้คนละ 1 คู่แล้วเตรียมบิน เสียงเครื่องบินน้ำดังมาก แม่อ่านรีวิวมาว่า ต้องนั่งทางซ้ายถึงจะเห็นวิวชัด พ่อกับแม่เลยจับจองที่นั่งทางซ้ายกันเลย
พอเครื่องขึ้นทะยานสู่ที่สูงเท่านั้นแหละ ต้องร้องหูวววเลยทีเดียว น้องเหนือเมฆ แม่อยากให้หนูมาเห็นวิวนี้ด้วยเหลือเกิน แต่หนูอยู่ในพุงของแม่อยู่ มันสวยจับจิตจับใจเลยจริงๆ สวยสะท้านทรวงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำทะเลเป็นสีฟ้า เห็นเป็นเกาะๆที่เรียกว่า Atoll ช่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก พ่อกับแม่ตื่นเต้นใหญ่ เก็บคลิปทุกเม็ดเลย เรานั่งเครื่องบินน้ำกันไปประมาณ 30 นาทีก็ถึงจุดหมาย นักบินจอดลำให้ลงตรงแท่นจอด แล้วมีพนักงานของทางรีสอร์ทมารับ รอสักพักก็ได้เวลาลงเรือ วันนี้ฟ้าค่อนข้างเปิด อากาศสดใส ก่อนถึงรีสอร์ทคนเรือแสดงลีลาเข้าโค้งสุดหวาดเสียว แต่สนุก เรียกเสียงเฮทั้งลำ พ่อกับแม่ก็สนุกไปกับเค้าด้วย
พอขึ้นจากเรือก็มีพนักงานของทางรีสอร์ทมารอต้อนรับด้วยน้ำผลไม้รวมเย็นชื่นใจกับผ้าเย็นหอมฟุ้ง พ่อกับแม่เดินเข้าไปในรีสอร์ทอย่างสบายอารมณ์ “เราได้มาเห็นมัลดีฟส์กับตาแล้วนะ มันสวยมาก” เราเลือกพักที่ Safari Island Maldives ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน แบบแพ็คเกจ Inclusive หลังจากเดินไปถึงล็อบบี้ ก็รอพนักงานเรียกไปห้องพัก แล้วพนักงานก็จัดแจงพาไปห้องพักกลางน้ำของเรา เราเดินไปตามทางห้องของเราไกลจากล็อบบี้พอสมควร พอเห็นทางเดินกลางน้ำแม่ถึงกับว้าวเลย วิวนี้ที่แม่เห็นเคยเห็นแต่ในคลิป แต่วันนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้ว สวยว้าวเลยล่ะ
พอไปถึงห้องก็ยิ่งว้าว เพราะเป็นบ้านกลางน้ำที่ใฝ่ฝันมานานว่าต้องได้มานอนซักครั้งในชีวิต แล้ววันนี้เราก็ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ที่สำคัญมากับคนที่แม่รักทั้งสองคน มีพ่อ มีแม่ มีหนูด้วยนะน้องเหนือเมฆ ตรงหลังห้องของเรามีบันไดที่ลงไปเล่นน้ำได้แค่เอื้อมมือ มันวิเศษมาก
ตอนที่เรามาถึงแดดยังไม่หุบ พ่อของหนูจัดแจงเอาโดรนมาบินถ่ายจากห้องของเรา มีแม่ยืนโบกมืออยู่ข้างๆ บรรยากาศเวลานี้ ไม่ต้องรีบเร่ง ใช้ชีวิตชิลล์ๆช้าๆ ช่างสุขอะไรอย่างนี้
ซักพักเราก็เดินไปที่ส่วนกลางของรีสอร์ท ถ่ายรูปตรงสะพานทางเชื่อมของห้องอาหาร แล้วเดินไปนอนเล่นตรงสระว่ายน้ำ รอเวลากินข้าวเย็นตอน 1 ทุ่มครึ่ง
อากาศตรงริมสระเย็นสบาย นอนเล่นกันชิลล์เลยล่ะ และแล้วก็ถึงมื้ออาหารมื้อแรกของที่นี่
เราเลือกเป็นแพ็คเกจแบบ Inclusive นั่นคือ รวมอาหารทั้ง 3 มื้อ พร้อมเครื่องดื่มไว้แล้ว (หากสั่งอาหารนอกเหนือจากแพ็คเกจ ก็ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ค่ะ)
อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ห์นานาชาติ รสชาติอร่อยใช้ได้ มีอาหารหลากหลายให้เลือกเยอะดี แม่เลือกกินโปรตีน ผักเยอะๆ น้ำส้ม น้องเหนือเมฆจะได้แข็งแรงนะครับ พนักงานที่นี่ดูหน้าดุ แต่ใจดีมาก เดินไปไหนก็จะพูดว่า Hello ,How Are You? แล้วยิ้มให้ อย่าลืมเตรียมแบ๊งค์ย่อยไปติ๊บด้วยนะคะ ***ควรแลกเงินสกุล US (ดอลล่า) ไว้ให้พร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วยค่ะ***
พ่อกับแม่กินข้าวจนอิ่มแปล้ ก็เดินไปแอบส่องร้านขายของฝากว่ามีอะไรบ้าง แล้วเราก็พบกับเจ้ายูนิคอร์นตัวโตของเราที่ฝากพนักงานเป่าลมไว้ให้ พนักงานเลยยกยูนิคอร์นให้พ่อยกไปที่ห้องพักของเรา พ่อกับแม่เดินไปด้วยกัน คุยกัน หัวเราะกันไปตลอดทาง เวลานี้มันช่างมีความสุขและวิเศษจริงๆ พรุ่งนี้เราจะได้เล่นน้ำกันแล้ว พอถึงห้อง พ่อกับแม่ออกไปนั่งเล่นตรงหลังห้องสักพัก ก็ต้องรีบอาบน้ำ เพราะพนักงานรีสอร์ทบอกว่า พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นเช้าออกเลไปดำน้ำดูปะการังกันตอน 9 โมงครึ่ง ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้ว คืนนี้พ่อกับแม่นอนหลับไปพร้อมกับความสุข ฝันดีนะคร้าบน้องเหนือเมฆลูกรักของแม่^^
หมายเหตุ : ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เอาแพเป่าลมไปเล่นที่ทะเล อย่าลืมเตรียมเชือกยาวๆที่แข็งแรงไปมัดแพเป่าลมไว้กับฝั่งด้วยนะคะ เพราะคลื่นลมไวมาก ตอนนั่งแพเป่าลม อาจถูกคลื่นพัดไปกลางทะเลได้แบบไม่รู้ตัว อันตรายค่ะ
Day 2 : วันนี้พ่อกับแม่ตื่นแต่เช้าที่มัลดีฟส์ น้องเหนือเมฆของแม่ อายุ 5 เดือน 11 วันแล้วในพุงของแม่ การตื่นนอนขึ้นมาแล้วเจอภาพทะเลใสแจ๋วที่อยู่ข้างหน้า มันเป็นอะไรที่ฟินมากกก น้ำใสแจ๋วราวแก้ว สะท้อนแสงกระทบกับพระอาฑิตย์ยามเช้า มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ทะเลที่นี่ทำให้แม่ลืมความสวยงามของทุกทะเลที่เคยไปมา
พ่อตืนมาจิบกาแฟบนโต๊ะกระจกใสที่ส่องลงไปเห็นน้ำ แล้วเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ไปกินข้าวที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ท ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปและหมุนให้เห็นบรรยากาศตรงสะพานยามเช้า
เราเดินกันไปกินข้าวอย่างมีความสุข วันนี้พ่อกับแม่ต้องโด๊ฟอาหารให้เยอะเป็นพิเศษ เพราะต้องไปดำน้ำดูปะการังกัน พอกินข้าวเสร็จ พ่อกับแม่ก็เดินมาที่ล็อบบี้รอพนักงานเรียกไปขึ้นเรือออกเลตอน 9 โมงครึ่ง คนเรือพาพ่อกับแม่และเพื่อนร่วมทริป มีคนไทยอยู่ 1คน นอกนั้นเป็นฝรั่งและคู่รักชาวเกาหลีร่วมลงเรือลำเดียวกัน บรรยากาศตอนออกเลฝนฟ้าเป็นใจมาก ทำให้พ่อกับแม่อารมณ์ดี ถ่ายรูปและคลิปไปตลอดทาง หากใครคิดว่า ชอบเมาเรือ อย่าลืมเตรียมยาดมไปด้วยนะคะ ทั้งนี้ ต้องมั่นใจด้วยว่า คุณแม่แข็งแรงพอที่จะออกเดินทางได้ค่ะ
พอมาถึงกลางทะเล ไกด์ก็ให้เราลงดูปะการัง และมีไกด์คนนึงลากแม่ไปดำน้ำด้วยแล้วพ่อว่ายตาม เพราะแม่กำลังท้องหนูอยู่ เลยได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไกด์พาพ่อกับแม่ไปดูปะการังรอบเกาะ มีเจ้าปลาแสนสวยเต็มไปหมดเลย โลกท้องทะเลที่นี่สวยงาม น่าประทับใจมาก แม่เจอปลาแปลกๆที่ไม่เคยเห็นเต็มเลย เราดำน้ำกันได้สองเกาะ แต่ละจุดนานพอสมควร ก็ใกล้ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ขากลับจากดำน้ำ พ่อกับแม่ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เกาะมัลดีฟส์ รู้สึกสนุกและเต็มอิ่มกับความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ เราเที่ยวแบบไม่คาดหวังอะไร เที่ยวแบบสบายๆ สนุกกับทุกสิ่งที่เจอ และบรรยากาศก็เป็นใจให้เราได้เห็นทุกสิ่งที่เราอยากเห็น หลังจากพ่อกับแม่กลับมาจากดำน้ำดูปะการัง เราก็เดินกันไปที่ห้องพักกลางน้ำแสนสวย เพื่ออาบน้ำเตรียมมากินข้าวกัน
พออาบน้ำเสร็จ เราก็เดินไปกินข้าวกัน พ่อกับแม่เดินกันไปอย่างสบายอารมณ์ตลอดทาง เวลานี้แม่ช่างมีความสุขจัง แม่เดินลูบท้องหนูไปตามทาง คุยกันไป ใช้ชีวิตช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ธรรมชาติที่นี่ ทำให้แม่ไม่อยากจับโทรศัพท์เลย อยากใช้เวลาตรงนี้ซึมซับบรรยากาศรอบตัวให้เต็มที่ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก
พ่อกับแม่เดินไปถึงห้องอาหาร พนักงานเสิร์ฟคนเดิมที่บริการเราก็ถามว่า จะรับน้ำอะไร เค้าบริการเราอย่างดี แล้วให้เลือกว่า เย็นนี้พ่อกับแม่จะฮันนีมูนกันตรงห้องอาหารหรือริมชายหาด น่ารัก ยิ้มแย้มมากเลยนะ ตอนแรกแม่คิดว่าคนที่นี่จะดุ แต่ผิดคาด ผู้คนน่ารัก แถมใจดีอีกด้วย พ่อกับแม่เดินไปตักอาหาร ก็จะมีพนักงานทักทายตลอดทาง บางคนแนะนำด้วยว่า อันนี้ดีต่อคุณและเบบี๋ พอกินข้าวเสร็จ พ่อกับแม่เดินไปแวะดูร้านขายของฝากอีกครั้ง และกลับห้องของเราไปเก็บแรงเล่นน้ำกันต่อตอนเย็น
พอตกเย็น แม่ก็ล้างหน้ามาแต่งตัวถ่ายรูปตรงสะพานกลางน้ำแสนสวย รู้สึกว่าอยู่ที่นี่เวลาเยอะมาก แม่เอาพร๊อบชื่อหนูที่แม่เตรียมมากะใบอัลตร้าซาวด์มาถ่ายรูปด้วยนะ พอหนูโตหนูจะได้รู้ว่า หนูเคยมาที่นี่ตอนอยู่ในพุงกะพ่อกับแม่นะครับน้องเหนือเมฆ พ่อถ่ายรูปน่ารักๆให้แม่เต็มเลย แล้วเอาโดรนมาถ่ายตรงสะพาน พ่อกับแม่นอนโบกมือบ๊ายบาย แล้วพุ่งโดรนขึ้นสู่ที่สูง มาดูคลิปอีกทีเป็นภาพที่สวยงามมาก
เวลานี้เราสามคนจองทั้งสะพานเลยนะ ไม่มีใครเดินผ่านเลย แถมบรรยากาศยามเย็นยังสวยงามเกินบรรยาย แม่ประทับใจมากเลยครับน้องเหนือเมฆ หนูในพุงของแม่ต้องอารมณ์ดีแน่ๆ
หลังจากที่เราถ่ายรูปตรงสะพานกันเสร็จ เราก็ไปเล่นเจ้าม้ายูนิคอร์นกัน ย้ำกันอีกครั้งว่า อย่าลืมเตรียมเชือกยาวๆที่แข็งแรงไปมัดแพเป่าลมไว้กับฝั่งด้วยนะคะ เพราะคลื่นลมไวมาก อาจพัดพาไปกลางทะเลได้
พอเล่นน้ำเสร็จ พ่อกับแม่ก็ไปอาบน้ำรอเวลาแสนพิเศษของเรา คืนนี้ 1 ทุ่มครึ่ง ทางรีสอร์ทจัดเตรียมดินเนอร์ริมชายหาดสุดโรแมนติกให้เราเบบี้มูนกัน (แนะนำให้แจ้งกับทางรีสอร์ทก่อนจองแพ็คเกจ) พอถึงเวลาพ่อกับแม่ก็เดินไปริมชายหาด ที่โต๊ะของเรามีคนมาฮันนีมูนพร้อมกัน 4 โต๊ะ มีดอกไม้แสนสวยวางไว้ พร้อมจุดเทียน แสงสลัวๆกับบรรยากาศริมหาดมัลดีฟส์ทำให้แม่ผ่อนคลาย เราถ่ายคลิปเก็บบรรยากาศคืนนี้เอาไว้ แม่รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก วิวตรงหน้าของเราเป็นบาร์ของหาดมัลดีฟส์ มีเสียงคลื่นกับลมพัดเย็นๆตลอดค่ำคืน เรานั่งกินไปคุยกันอย่างมีความสุข พนักงานเสริ์ฟมาเสริ์ฟถึงโต๊ะจนเมนูสุดท้าย อิ้มแปร้เลยทีเดียว
ตอนพ่อกับแม่นั่งกินกันก็มีคู่รักชาวจีนมาขอให้เราผลัดกันถ่ายรูปคู่ให้ พออิ่มแล้ว พ่อกับแม่ก็เดินไปที่สระว่ายน้ำ เพราะปกติที่นี่จะมีเสียงคลื่น แต่วันนี้เปิดเพลง พอเดินไปดูเห็นเค้าแข่งวิ่งปูเสฉวนกันอยู่ น่ารักเชียว เชียร์กันสนุกสนานให้ปูเสฉวนวิ่งเข้าไปในวงกลมที่ขีดไว้ ใครเป็นคนคิดกิจกรรมนี้นะ
หลังจากดูแข่งปูเสฉวนกันเสร็จ พ่อกับแม่ก็เดินกลับห้องของเรา ทางสะพานเชื่อมไปที่ห้องในเวลานี้ สวยงาม โรแมนติกมาก มีเสียงคลื่นซัดสาด ขนาดตอนกลางคืน แม่ยังเห็นใต้พื้นน้ำกับปลาที่ว่ายน้ำเล่นกันได้เลย แสงไฟสะท้อนลงน้ำ ทำให้ดูราวกับพรายน้ำยามค่ำคืน ต้องบอกเลยว่า มองด้วยตาเปล่า สวยงามกว่าในรูปมากมาย แสงมืดแม่เลยถ่ายมาได้แค่นี้ พ่อกับแม่ถ่ายรูปสะพานตอนกลางคืนเก็บไว้เพื่อบันทึกความทรงจำ เรานั่งเล่นห้อยหากันอยู่ตรงสะพานด้วยความสุขใจ ซึมซับบรรยากาศรอบตัวได้อย่างเต็มที่ มันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูกเลยจริงๆ อยากเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้นานๆ พอนั่งเล่นกันซักพัก เราเดินเข้าห้องไป ก็เห็นรอบเตียงเขียนว่า HappY Moon ที่ทางรีสอร์ทจัดเซอร์ไพร์สไว้ให้พ่อกับแม่ แม่เก็บดอกไม้ที่เค้าทำให้มาด้วยนะน้องเหนือเมฆ วันนี้เป็นวันที่พ่อกับแม่มีความสุขที่สุดวันนึงเลย
Day 3 : วันนี้พ่อกับแม่ตื่นแต่เช้าที่มัลดีฟส์อีกเหมือนเคย น้องเหนือเมฆอายุ 5 เดือน 12 วันแล้วในพุงของแม่ เหลือเวลาอีก 1 วันครึ่งที่เราจะได้อยู่ที่นี่กัน เรามากันทั้งหมด 4 วัน แม่อยากจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวความสุขตรงนี้ให้เต็มที่มากที่สุด พอตื่นแล้ว เราไปนั่งกันที่ระเบียงหลังห้อง เห็นทะเลมัลดีฟส์สุดขอบฟ้า มันเป็นอะไรที่สวยมากกก
สักพักพ่อกับแม่ไปอาบน้ำกัน เตรียมมาถ่ายโมเม้นสวยๆตอนท้องที่เกาะมัลดีฟส์เอาไว้ให้น้องเหนือเมฆดูตอนโต แม่ไม่ลืมเอาพร๊อบชื่อหนูกับรูปอัลตร้าซาวด์ที่เดินทางไกลมาถ่ายด้วย
แต่ละภาพเป็นภาพที่แม่ดูแล้วมีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะในรูปมีพ่อ มีแม่ มีหนูเพิ่มขึ้นมาอีกคน อีกไม่นานหนูก็จะออกมาดูโลกกว้าง ท่องเที่ยวไปพร้อมพ่อกับแม่แล้วนะครับ แม่ดูไปยิ้มไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
พอถ่ายรูปเสร็จ พ่อกับแม่ก็เดินไปกินข้าวกันที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ระหว่างทางเจอภาพที่สวยงามจนต้องหยุดถ่ายคลิปเก็บไว้ เป็นภาพฝูงนกกำลังบินลงสู่น้ำ เพื่อกินปลาที่อยู่ใต้น้ำ ดูจนเพลินเลยล่ะ และเจอลูกปลากระเบนตัวเล็กกำลังว่ายน้ำอย่างอารมณ์ดี ชีวิตที่นี่ค่อนข้างสงบและมีความสุขจริงๆ เรากินข้าวกันโดยมีพนักงานเสริ์ฟคนเดิมที่เรียกว่า My Friend มาบริการเราอีกเช่นเคย ที่นี่จะจัดโต๊ะอาหารให้เรานั่งโต๊ะเดิมตลอด มีเลขที่ห้องพักวางเอาไว้ด้วย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว พ่อกับแม่ก็ไปนั่งเล่นกันที่มุมสระว่ายน้ำ วันนี้ไม่มีแพลนไปไหน อยู่แต่ในรีสอร์ท เราจึงมีเวลาทั้งวัน ถึงแม้พ่อกับแม่จะง่วงนิดหน่อย แต่ก็เลือกที่จะไม่นอน เพราะอยากเก็บเกี่ยวบรรยากาศให้มากที่สุด เรานั่งเล่นคุยกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข เวลานี้มันช่างเป็นเวลาที่สวยงามจริงๆ เรานั่งกันอยู่ตรงนี้คุยกันไปเรื่อยๆจนได้เวลาอาหารกลางวันอีกครั้ง เราเดินกันไปกินข้าวท่ามกลางเสียงคลื่นที่ซัดสาด หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ พ่อกับแม่ก็มานั่งตรงสระว่ายน้ำที่เดิม นั่งคุยกันไปเรื่อยๆสนุกดี รอเวลาเล่นน้ำ 4 โมงเย็น พ่อกับแม่ถึงจะไปกลับไปที่ห้อง
พอ 4 โมงเย็น ได้เวลาเล่นน้ำกันแล้ว พ่อกับแม่เดินกลับห้อง เราเดินไปอีกทางที่เป็นหาด เจอท่าเรือตอนที่เรามา ถัดไปอีกนิดเป็นหาดทราย อยู่ที่นี่มาหลายวัน เพิ่งเห็นว่าทางนี้เดินง่ายและสวยกว่าเป็นไหนๆ เพราะเป็นทางที่เราได้เดินเลียบหาดทรายสีขาว ฟังเสียงคลื่นไปด้วย อากาศวันนี้เย็นสบายมากๆเลย
พอเดินข้ามสะพานมาถึงห้องพักของเรา พ่อกับแม่ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นน้ำหลังห้องของเราที่ลงจากบันไดแค่เอื้อมมือ รอบๆเกาะของรีสอร์ท สามารถดำไปดูปะการังที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ตรงปะการังมีปลาเยอะมากเลยล่ะพอเล่นน้ำเสร็จ เราก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินไปที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท ต้องรอ 1 ทุ่มครึ่งก่อน ถึงจะได้เวลาเข้าไปกินข้าว
พอได้เวลาปุ๊บ เราก็เดินกันไปปั๊บ หลังกินข้าวเสร็จ เราเดินไปดูเผื่อมีแข่งวิ่งปูเสฉวนอีก แต่วันนี้ไม่มี พ่อกับแม่เลยเดินไปซื้อของฝากก่อนกลับห้อง แล้วเดินข้ามสะพานสายโรแมนติกยามค่ำคืนอย่างช้าๆ เพราะบรรยากาศตอนนี้มันช่างสวยงาม แสงไฟสลัวๆกระทบกับน้ำใสๆของมัลดีฟส์ ทำให้รู้สึกเหมือนได้เห็นพรายน้ำยังไงหยั่งงั้นเลย แม่ขอให้พ่อเดินพาไปจนสุดทางบ้านกลางน้ำ เพราะอยากรู้ว่ามันมีอะไร เราเดินจับมือกันไปคุยกันไปอย่างมีความสุข แล้วก็ถึงสุดสะพาน เห็นเกาะเล็กๆอีกเกาะอยู่ข้างหน้า ถ่ายรูปแชะนึงแล้วเดินกลับ
พอกลับถึงห้อง พ่อกับแม่ก็ออกมานั่งเล่นตรงระเบียงหลังห้อง มองพระจันทร์กัน ท้องฟ้าค่ำคืนนี้ไม่เหมือนท้องฟ้าในค่ำคืนไหนๆ เพราะท้องฟ้าสว่างด้วยพระจันทร์ทรงกลดที่แผ่แสงวงกลมดูสวยงาม มันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูก ช่างเป็นค่ำคืนที่แสนวิเศษจริงๆ คืนนี้จึงเป็นค่ำคืนแสนพิเศษที่อยู่ในความทรงจำที่แสนดีของพ่อกับแม่ที่สุดคืนหนึ่งเลยครับน้องเหนือเมฆลูกรัก แล้วแม่จะพาหนูมาสุขด้วยกันตอนหนูโตอีกรอบนะ^^
Day 4 : วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วครับน้องเหนือเมฆที่เราจะอยู่บนเกาะมัลดีฟส์ หนูอายุ 5 เดือน 13 วันแล้วในพุงของแม่ พ่อกับแม่ตื่นเช้าอีกเช่นเคย ที่นี่ทำให้การตื่นเช้าเป็นเรื่องง่ายมาก เหมือนได้รับพลังบำบัดจากธรรมชาติ พ่อกับแม่อาบน้ำแต่งตัวแล้วแพ็คกระเป๋าจนเสร็จเรียบร้อย เราเดินข้ามสะพานแสนสวยที่เราคุ้นเคย แล้วถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นความทรงจำ วันนี้ลมแรงกว่าทุกวัน จนคิดว่าจะไม่ได้บินเครื่องบินน้ำซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีนะ แม่จะได้เนียนอยู่ต่ออีกซัก 1 คืน555+ ฝนที่นี่จะตกแค่แป๊บๆแล้วฟ้าจะใสเหมือนเดิม โชคดีที่ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่ ฟ้าฝนเป็นใจทุกวัน เราเดินไปกินข้าวกันที่ห้องอาหารของโรงแรมอย่างสบายอารมณ์ ชีวิตที่นี่ทำให้เราไม่ต้องรีบอะไรมากมาย เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกมาอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เรากินข้าวกันจนเสร็จ มีพนักงานเสิร์ฟคนเดิมคอยบริการเช่นเคย พอกินข้าวเสร็จ เราก็ร่ำลาพนักงานเสิร์ฟคนที่คอยบริการเราอย่างดีตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ที่นี่
หลังจากนั้น เราก็เดินไปรอเช็คเอ้าท์ที่ล็อบบี้ พนักงานรีสอร์ทนัดพ่อกับแม่ 9 โมงครึ่งว่าจะออกจากรีสอร์ท เรายังเหลือเวลากันอีกตั้ง 1 ชั่วโมง พ่อกับแม่เลยไปเดินเล่นถ่ายรูปกันตรงชายหาดแสนสวย พอถ่ายเสร็จก็ไปนั่งรอตรงริมสระน้ำ มุมเดิมของเราที่ชอบไปนั่งกันตอนอยู่ที่นี่
พอ 9 โมงครึ่ง เรือก็ออกเลพาเราไปขึ้นเครื่องบินน้ำที่กลางทะเลเช่นเคย ได้เวลาโบกมือลามัลดีฟส์แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่พ่อกับแม่มีความสุขที่สุดช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เป็นความทรงจำที่แสนดีที่พูดถึงเมื่อไหร่ ก็ต้องยิ้มให้กับมันทุกครั้ง เราเดินทางด้วยเครื่องบินน้ำไปที่สนามบินมาเล่ย์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ตรงดิ่งไปเช็คอิน แล้วไปหาอาหารกลางวันกินกัน
แม่ได้รูปภาพรูปนึงที่ชอบมากกลับมาด้วย เป็นภาพมัลดีฟส์ตอนกลางคืนที่ดูแล้วรู้สึกใกล้เคียงกับบรรยากาศในค่ำคืนที่มีพระจันทร์ทรงกลด จากนั้นก็ได้เวลาขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเรา ทริปนี้เป็นทริปที่ทำให้พ่อกับแม่ประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ทั้งสถานที่ ผู้คน ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มีช่วงเวลาดีๆของพ่อ แม่ และน้องเหนือเมฆ ได้รูปกะคลิปสวยๆที่พ่อกับแม่จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป แล้วพ่อกับแม่จะพาหนูมาอีกนะครับน้องเหนือเมฆ จบทริปแห่งความสุขของเรา พ่อกับแม่ยังมีทริปใหม่ๆรอให้หนูมาผจญภัยไปพร้อมกันนะครับ…กระเตงรัก น้องเหนือเมฆของพ่อกับแม่^^
ระเบียบการสายการบินต่างๆสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
1.สายการบินแอร์ เอเชีย (Air Asia)
คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องแจ้งให้สายการบินทราบถึงอายุครรภ์ เมื่อทำการสำรองที่นั่งและ ณ เคาน์เตอร์เช็คอิน โดยผู้โดยสารที่ตั้งครรภ์จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการเดินทางดังต่อไปนี้ :
1.1 อายุครรภ์ไม่ถึง 27 สัปดาห์ (ตลอดช่วงอายุครรภ์) : คุณแม่จะต้องลงนามยินยอมในเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิดชอบของสายการบิน แอร์เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เมื่อทำการเช็คอิน เพื่อแสดงความยินยอมไม่ทำการเรียกร้องใดๆต่อสายการบินแอร์ เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์
1.2 อายุครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 28 สัปดาห์ ถึง 34 สัปดาห์ (ตลอดช่วงอายุครรภ์) :
-คุณแม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ที่ระบุอายุครรภ์และรับรองว่า สามารถเดินทางได้ ซึ่งใบรับรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกินสามสิบวัน นับจากวันออกเดินทางเข้าหรือออกประเทศตามกำหนดการเดินทาง
-โดยคุณแม่จะต้องลงนามยินยอมในเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิดชอบของสายการบินแอร์เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เมื่อทำการเช็คอิน เพื่อแสดงความยินยอมไม่ทำการเรียกร้องใดๆต่อสายการบินแอร์ เอเชีย/แอร์เอเชีย เอ็กซ์
1.3 อายุครรภ์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 35 ขึ้นไป : สายการบินปฏิเสธการให้บริการ
2.สายการบินบางกอกแอร์เวย์ (Bankok Airways)
คุณแม่จำเป็นต้องนำเอกสารทางการแพทย์อื่นๆ ติดตัวสำหรับการเดินทาง เอกสารที่คุณแม่ต้องแสดงขึ้นอยู่กับระยะการตั้งครรภ์ โดยสามารถตรวจสอบได้ตามตารางด้านล่างนี้ค่ะ
**ทางสายการบินไม่อนุญาตให้คุณแม่ตั้งครรภ์เดินทางในช่วงเวลา 4 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึง
กำหนดคลอด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่เอง
หมายเหตุ :
- กรอกแบบฟอร์มแจ้งการตั้งครรภ์ได้ที่เคาท์นเตอร์เช็คอิน
- ใบรับรองแพทย์จะต้องเป็นภาษาอังกฤษและมีข้อมูลดังต่อไปนี้
- ชื่อ-นามสกุล ของคุณแม่ และวันเกิด
- วันคลอดที่ได้คาดหมายไว้
- วันที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน
- คำยืนยันการตั้งครรภ์ทารกคนเดียว หรือแฝด และการตั้งครรภ์เป็นไปตามปกติ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- คำยืนยันว่า คุณแม่มีสภาวะที่เหมาะสมกับการเดินทาง
- ระบุวันที่ และ รายละเอียดสำหรับการติดต่อแพทย์ผู้ทำการตรวจ
- ใบรับรองแพทย์มีอายุ 3 สัปดาห์นับจากวันออกเอกสาร
- ในวันเดินทาง พนักงานของบริษัทหรือนักบินมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หากเห็นว่าสภาวะของคุณแม่ไม่ปลอดภัยที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน แม้ว่าใบรับรองแพทย์จะระบุว่า คุณแม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ
3.สายการบินไทย (Thai Airways)
3.1 หากคุณแม่มีอายุครรภ์เกิน 28 สัปดาห์ ต้องมีใบรับรองแพทย์ โดยมีการระบุอายุครรภ์และกำหนดการคลอด ใบรับรองแพทย์ต้องออกภายในไม่เกิน 7 วันก่อนการเดินทาง และต้องแสดงใบรับรองแพทย์ก่อนขึ้นเครื่อง
เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ สายการบินไทยขอสงวนสิทธิ์ในการปฎิเสธการขึ้นเครื่อง ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ได้
3.2 หากเที่ยวบินนั้นบินน้อยกว่า 4 ชั่วโมง คุณแม่ต้องมีอายุครรภ์ไม่เกิน 36 สัปดาห์ จึงจะสามารถเดินทางได้
3.3 หากเที่ยวบินนั้นบินมากกว่า 4 ชั่วโมง คุณแม่ต้องมีอายุครรภ์ไม่เกิน 34 สัปดาห์ จึงจะสามารถเดินทางได้
3.4 หากอายุครรภ์เกิน 36 สัปดาห์ คุณแม่ไม่สามารถเดินทางได้
สตรีมีครรภ์ที่ไม่อนุญาตให้เดินทาง
• สตรีที่ตั้งครรภ์เด็กแฝด
• สตรีที่ตั้งครรภ์มีประวัติเคยแท้งบุตร ฯลฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากสูตินารีแพทย์ โดยกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์ม “Medical Clearance Form (MEDA) จากสูตินารีแพทย์ และได้รับอนุญาตจากการบินไทยให้เดินทางได้ ไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
• ภาวะโลหิตจาง
• มีความผิดปกติทางระบบส่วนต่างๆของร่างกายเรื้อรัง ซึ่งต้องมีการรักษาอยู่เป็นประจำ
• มีประวัติการแท้ง
• มดลูกต่ำกว่าปกติ
• มีประวัติการตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่ผิดปกติ
• มีประวัติหรือปัจจุบันรกในครรภ์มีภาวะไม่ปกติ
• มีความเสี่ยงในการแท้ง หรือ มีการตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์ปัจจุบัน
• มีการปฏิสนธิของไข่เกิน 2 ตัว
• มีประวัติโลหิตเป็นพิษ, โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน
หมายเหตุ
ในบางประเทศ ได้แก่ สิงค์โปร์ หรือ มาเลเซีย มีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการเดินทางของสตรีต่างชาติที่ตั้งครรภ์เข้าประเทศ ซึ่งสายการบินไทยจะต้องให้ข้อมูล และคำแนะนำต่างๆอย่างละเอียดก่อนการเดินทาง
4.สายการบินนกแอร์ (Nokair)
คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องแจ้งให้สายการบินทราบถึงอายุครรภ์เมื่อทำการสำรองที่นั่ง โดยสายการบินมีเงื่อนไขสำหรับการเดินทางดังต่อไปนี้
ในวันเดินทาง พนักงานของบริษัทหรือนักบินมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หากเห็นว่า สภาวะของคุณแม่ไม่ปลอดภัยที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน แม้ว่าใบรับรองแพทย์จะระบุว่า คุณแม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ
5.สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 29 สัปดาห์ คุณแม่จำเป็นต้องมีใบรับรองหรือจดหมายรับรองทางการแพทย์ที่มีลายมือชื่อของแพทย์หรือนางพยาบาลผดุงครรภ์ ผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมซึ่งระบุ
- การรับรองการตั้งครรภ์แบบคนเดียวหรือหลายคน
- การตั้งครรภ์เป็นไปได้ด้วยดี โดยไม่มีปัญหาแทรกแซงใดๆ
- วันกำหนดคลอดที่คาดคะเน
- วันสุดท้ายที่คาดว่า คุณจะมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะเดินทาง
- คุณแม่มีสุขภาพที่ดี
- ไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาคิดว่า คุณแม่ไม่ควรจะเดินทางโดยเครื่องบิน
หากคุณแม่เลือกที่จะไม่นำใบอนุญาตทางการแพทย์ที่ยังไม่หมดอายุไปด้วย อาจไม่ได้รับการอนุญาตให้เดินทางได้
การเดินทางหลังจากสัปดาห์ที่ 36 คุณแม่ตั้งครรภ์ทารกคนเดียว โดยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และหลังจากสัปดาห์ที่ 32 ของการตั้งครรภ์แฝด โดยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน คุณแม่สามารถเดินทางได้ หากผ่านการตรวจเบื้องต้นของแผนกการแพทย์ของสายการบินเอมิเรตส์แล้วเท่านั้น จำเป็นต้องส่งแบบฟอร์มข้อมูลด้านการแพทย์ (MEDIF) สำหรับจุดประสงค์ในการตรวจสอบของศุลกากร
คุณแม่ควรคำนึงด้วยว่า เครื่องมืออำนวยความสะดวกสบายด้านการแพทย์ในประเทศจุดหมายปลายทางของคุณนั้นดีเพียงพอต่อการจัดการกับปัญหาใดๆที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณมีประกันการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมเพียงพอ ในกรณีที่คุณแม่คลอดก่อนกำหนด ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไกลขณะตั้งครรภ์หากเป็นไปได้
6.สายการบินคาเธ่ แปซิฟิก (Cathay Pacific)
คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 21 วัน) และอนุญาตให้คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ทารกเพียงคนเดียวที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน (ระยะครรภ์สูงสุด 3 สัปดาห์) สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดและไม่มีภาวะแทรกซ้อนอายุครรภ์ได้สูงสุด 32 สัปดาห์ค่ะ
คำแนะนำ : ในบางประเทศ มีการกำหนดข้อจำกัดในการเข้าประเทศของหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ใช่ผู้ถือสัญชาติเอาไว้ คุณแม่ควรตรวจสอบกับสถานกงสุลในประเทศทุกครั้ง เพื่อขอรับการยืนยันในข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจงของประเทศนั้นๆ
หัวหน้าแก๊งค์เหนือเมฆหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวรักการท่องเที่ยวทุกคน ข้อดีของการเที่ยวตอนตั้งครรภ์ คือ ทำให้คุณแม่ได้ผ่อนคลายและเป็นการสร้างสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นไปด้วยความรัก เมื่อคุณแม่อารมณ์ดี ก็จะส่งผลให้ลูกในท้องอารมณ์ดีตามไปด้วยค่ะ แต่ควรเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยและเหมาะกับคนท้องนะคะ สำหรับวันนี้แอดมินขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับคลับ “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” ผู้นำด้านการแชร์ประสบการณ์เด็ดๆแม่และเด็กได้ทุกวัน คลับ HerKid เว็บนี้มีทั้งสาระและความบันเทิงนะคะ
ประสบการณ์จริงจาก : HerKid รวมพลคนเห่อลูก (หัวหน้าแก๊งค์เหนือเมฆ)
อ่านประสบการณ์จริงอื่นๆ >>> หัวหน้าแก๊งค์พาทะลุมิติ!!! ตะลุยแดนไดโนเสาร์สุดอลังการ ณ ไดโนซอร์แพลนเน็ต